“ซื้อขายตามกราฟหรือตามสูตรก็มีแต่จะโดนเจ้ามือกิน เพราะมันคือสิ่งที่เจ้ามือทำเอาไว้หลอกหรือดักเรา”
นี่คือความคิดของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์
พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการลงทุนตามกราฟหรือระบบการลงทุนที่ชัดเจนจะ
สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว
และซ้ำร้ายแล้วยังมีแต่จะรอวันโดนเจ้ามือหุ้นเล่นงานเข้าให้จนหมดตัวเสีย
ด้วย
แน่นอนครับว่าเมื่อฟังดูแล้วมันก็ออกจะมีเหตุผลอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม
ผมถือว่านี่เป็นคำพูดของคนที่ไม่ได้รู้จักและเข้าใจในศาสตร์ของการเก็งกำไร
กันสักเท่าไหร่นัก ซึ่งผมจะค่อยๆอธิบายให้ฟังกันครับ
กราฟไม่ได้หลอก เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมองกราฟและตีความไปในแนวทางเดียวกัน
เหตุผลอย่างแรกของผมเลยก็คือทุกคนไม่ได้ตีความจากกราฟไปในแนวทางเดียวกัน
ผมมักจะได้ยินหลายๆคนคุยกันว่าเวลาเกิดสัญญาณซื้อขายขึ้นมาส่วนใหญ่ก็เพราะ
เจ้ามือทำขึ้นมาหลอกเราทั้งนั้น
ชุดความคิดแบบนี้มี Error
ที่เป็นจุดตายอยู่อย่างหนึ่งก็คือคุณกำลังคิดไปเองว่าโลกนี้มีสัญญาณซื้อ
ขายอยู่เพียงสัญญาณเดียว
นั่นก็คือสัญญาณที่เจ้ามือเชื่อว่ามันคือสัญญาณและสร้างราคาขึ้นมาเท่านั้น!
แต่หากคุณจะลองคิดให้ดูอีกสักครั้ง
คุณจะพบว่าพวกเราแต่ละคนนั้นแทบจะไม่มีใครมองกราฟเหมือนกันเป๊ะๆเลยด้วยซ้ำ
(แม้กระทั่งระบบการลงทุนของแต่ละคนก็ไม่ได้มีจุดเข้าออกหรือเงื่อนไขการคัด
เลือกหุ้นที่เหมือนกัน)
แนวโน้มหุ้นของแต่ละคนที่สรุปออกมาจากกราฟนั้นแทบไม่มีทางตรงกัน,
พร้อมกันและเกิดขึ้น ณ จุดเดียวกันตลอดเวลา
ไม่เช่นนั้นแล้วตลาดจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีใครที่คิดต่าง
กัน
นี่คือเหตุผลข้อแรกที่ผมจะขอยกมาค้านว่า
เจ้ามือไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร กราฟไม่ได้มีเอาไว้เพื่อให้คุณโดนหลอก
และอันที่จริงก็ไม่มีเจ้ามือคนไหนจะมานั่งหลอกหรือพยายามหลอกคุณเพียงแค่คน
เดียวอยู่ตลอดเวลา
เจ้ามือเองก็ไม่สามารถรู้จนครบได้หรอกครับว่าพวกคุณแต่ละคนในตลาดรอสัญญาณ
จากเครื่องมืออะไรอยู่ พวกเขาเองก็ไม่ได้ต่างกับเราในจุดที่ว่าต้องลอง Bet
เพื่อแหย่ตลาดดูอาการตอบสนองของคนส่วนใหญ่เช่นกัน
และก็แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่การซื้อขายของพวกเขาจะมีกำไรอย่างที่เราคิด
ดังนั้นแล้ว
สัญญาณการซื้อขายตามกราฟในแต่ละครั้งของคุณจริงๆจึงไม่ได้เกิดจากเจ้ามือ
แต่มันคือเงาสะท้อนซึ่งเกิดจากความเชื่อและมุมมองของคุณซึ่งมีต่อกราฟในรูป
แบบต่างๆ
และตรงนี้ก็จะกลายเป็นประสิทธิภาพของระบบการลงทุนนั้นๆซึ่งจะบ่งชี้ถึงผล
กำไรในอนาคตของคุณอย่างแท้จริง
รากเหง้าของผลกำไรจากระบบการลงทุนที่ยั่งยืน เกิดจากกลไกพื้นฐานของตลาดซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถฝืนหรือหลีกเลี่ยงได้
มีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับใช้กราฟหรือการสร้างระบบการลงทุนเท่า
นั้นที่คิดว่าพวกเขาจะโดนเจ้ามือกินจนเจ๊ง
นั่นก็เพราะเบื้องหลังของวิธีการลงทุนที่ดีและยั่งยืนทุกระบบนั้นเกิดขึ้น
จากการวางตัวให้สอดคล้องไปกับกลไกพื้นฐานของตลาดซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ต่างหาก (ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรตามวิจารณ์ญาณหรือตามระบบการลงทุนก็ตาม)
แล้วอะไรคือตัวอย่างของกลไกพื้นฐานของตลาดหุ้นคืออะไรน่ะหรือครับ?
ตัวอย่างก็เช่น
เราจะพบว่าการที่สภาวะของตลาดหุ้นจะเอื้อต่ำการทำกำไรและกลายเป็นขาขึ้นมา
ได้นั้น
ตลาดจะต้องมีหุ้นที่แข็งแกร่งและสดใหม่ขึ้นมานำตลาดเป็นจำนวนหนึ่งอยู่เสมอ
ซึ่งหุ้นเหล่านี้ก็มักที่จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานในขณะนั้นที่ดีเอา
มากๆจนเรียกได้ว่าอยู่ในจุด Peak ของมันเลยทีเดียว
และแน่นอนว่านั่นทำให้ราคาของพวกมันมักจะคลอเคลียหรือวิ่งขึ้นทำจุดสูงสุด
ใหม่อยู่เสมอ (หรือที่พวกเรามักเรียกกันในภาษากราฟว่าหุ้น All Time High)
และนี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งของสิ่งที่พวกเราควรจะมองหาและวางระบบการลงทุนให้
สอดคล้องกับพวกมันเอาไว้!
จำนวนหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ All
Time High และมีปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ยมากกว่า 1 ล้านบาท/เดือน
เปรียบเทียบกับแนวโน้มของตลาดหรือ SET Index วัดจาก PnT Indicator 1%
ตัวอย่างผลการลงทุนจากระบบ ATH
System ซึ่งทำการซื้อหุ้นเมื่อทำจุดสูงสุด All Time High
และตัดขาดทุนเมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป เปรียบเทียบกับผลตอบของ SET index
เมื่อลงทุนด้วยเงินทุนเริ่มต้นเท่าๆกันที่ 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่
4/1/2000 – 16/11/2012
จากภาพแรกนั้นคุณจะเห็นได้ว่าเมื่อตลาดหุ้น SET Index เป็นขาขึ้น
เราจะพบว่าจำนวนของหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่แบบ All Time High
จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างชัดเจนเมื่อตลาดเป็นขาลง
ซึ่งเมื่อเราได้วางระบบการลงทุนให้สอดคล้องกับกลไกพื้นฐานของตลาดในรูปแบบ
นี้
ระบบการลงทุนง่ายๆนี้ก็สามารถที่จะทำกำไรออกมาจากตลาดได้อย่างยั่งยืนมาตลอด
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว
แต่พวกมันคือปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกมาอย่างยาวนาน
นั่นก็เพราะมันคือสิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นจากกลไกพื้นฐานของตลาดหุ้น
ซึ่งไม่มีเจ้ามือคนไหนจะต้านทานได้
นอกจากนี้ตารางสรุปผลการเทรดของระบบ
เราจะพบว่าระบบการลงทุนมีจำนวนการซื้อขายเกิดขึ้นถึงกว่า 700 ครั้ง
และถ้าคุณคิดว่าเจ้ามือจะตามราวีคอยจ้องมองหาและดักทางเพื่อทุบหุ้นจาก
สัญญาณการซื้อขายของคุณทุกๆครั้ง
ผมคิดว่าคุณอาจกำลังวิตกจริตจริงๆและผมก็คงจะไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้จริงๆ
ครับ (จริงแล้วถ้าเจ้ามือจะดันหุ้นมาดักเราทุกครั้งได้ก็ทำไปเหอะนะ อิอิ)
เจ้ามือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นของนักเก็งกำไรทุกคนคือสภาวะของตลาด
นี่คือสิ่งที่คุณควรสนใจจริงๆ มันคือกฏที่คุณจะต้องเข้าใจ …
และถ้ายังไม่เข้าใจคุณก็จะค่อยๆสะสมชั่วโมงบินในตลาดจนเข้าใจไปเองในที่สุด
ผมเองเชื่อว่ากฏธรรมชาติข้อนี้คือกฏที่พวกเราทุกคนในตลาดไม่อาจหนีพ้นไปได้
ไม่เว้นแม้แต่เจ้ามือหุ้น
เหตุผลก็เพราะว่าถึงแม้ใครจะเป็นเจ้ามือปั่นหุ้นที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน
แต่สุดท้ายแล้วถ้าตลาดไม่เอื้ออำนวยพวกเขาก็จะไม่สามารถล่อหลอกใครให้มาซื้อ
มาขายได้สักเท่าไหร่นัก
จริงอยู่ว่าเจ้ามืออาจปั่นราคาขึ้นมาได้แต่เจ้ามือก็ไม่ใช่พระเจ้า
ถ้าตลาดไม่ดีหรือแนวโน้มของหุ้นตัวนั้นไม่ดึงดูดจริงๆพวกเขาก็จะต้องติดหุ้น
ไปเองในที่สุด
ด้วยเหตุนี้เองแนวโน้มของตลาดหรือหุ้นจึงเป็นเจ้ามือหุ้นตัวจริงของพวก
เรา
เจ้ามือหุ้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทุบหุ้นให้เละเมื่อตลาดยังคงเอื้ออำนวย
ต่อการทำกำไรของพวกเขา
ผมเองเชื่อว่าด้วยการที่เรารู้จักวางตนให้ลงรอยไปในทิศทางเดียวกับตลาดอยู่
เสมอและตัดขาดทุนเมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป
การกระทำเหล่านี้จะช่วยให้พอร์ทของคุณค่อยๆเติบโตขึ้นไปตามกาลเวลาโดย
อัตโนมัติ (ถ้าคุณไม่สติแตกเสียวินัยไปเสียก่อน)
Short Note :
แม้ว่าเจ้ามือจะดูยิ่งใหญ่แค่ไหนในสายตาของเรา
แต่พวกเขาก็เป็นเพียงแค่คนกลุ่มเล็กๆกับเงินทุนที่ไม่มากสักเท่าไหร่นัก
เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินหรือกองทุนยักษ์ใหญ่ซึ่งมีอำนาจและผลกระทบกับ
ตลาดโดยรวมจริงๆ
เจ้ามือหุ้นปั่นจึงยังคงไม่สามารถที่จะปั่นหรือควบคุมสภาวะตลาดโดยรวมเอาไว้
ให้เป็นประโยชน์กับตนเองได้
นี่หมายความว่าผมกำลังบอกว่า “เจ้ามือ” ที่แท้จริงคือสถาบันหรือกองทุนยักษ์ใหญ่พวกนี้หรือไม่?
ในมุมมองของผมนั้น คำตอบก็คือทั้งใช่และไม่ใช่
คำตอบที่ว่าใช่ก็คือแน่นอนว่าสภาวะของตลาดโดยรวมส่วนใหญ่คือผลลัพท์จากทิศ
ทางการซื้อขายของพวกเขา
ส่วนที่ไม่ใช่ก็คือพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะฝืนสภาวะของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
หรือพื้นฐานของกิจการจริงๆไปได้เช่นเดียวกัน
(และก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องทำเช่นนั้นด้วย) อย่างไรก็ตาม
ผลกระทบจากการซื้อขายของพวกเขาก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่อันตรายและน่ากลัวจนตั้ง
รับไม่ทันด้วยเช่นกันเนื่องมาจากขนาดของเม็ดเงินที่ใหญ่จึงทำให้พวกเขาต้อง
ค่อยๆทยอยซื้อทยอยขาย
จนเกิดเป็นแนวโน้มของตลาดซึ่งเราสามารถเห็นกันได้อย่างชัดเจนนั่นเอง
คุณคือผู้กำหนดผลการลงทุนของคุณเองในระยะยาวไม่ใช่เจ้ามือหุ้น
ผมเชื่อว่าหลังจากที่ผมเขียนมาถึงตรงนี้
ก็คงยังจะมีอีกหลายๆคนที่จะพูดกลับมาว่า
“แต่ก็มีนักลงทุนหลายๆคนที่ซื้อหุ้นตามกราฟแล้วขาดทุนเพราะหุ้นโดนทุบจนแทบ
หมดตัวไม่ใช่หรือ?”
ผมเองก็หวังว่ามันคงจะไม่ใช่คำพูดที่แรงเกินไปถ้าผมจะพูดว่านั่นเป็นปัญหา
ของนักเก็งกำไรที่อ่อนหัดเท่านั้น
ที่ผมต้องพูดว่ายังอ่อนหัดนั่นก็เพราะนักเก็งกำไรที่ช่ำชองนั้นจะต้องรู้
ถึงขอบเขตและความเสี่ยงของพวกเขาอยู่เสมอ
พวกเขาจะต้องรู้ว่าสัญญาณต่างๆที่เกิดขึ้นจากกราฟนั้นเป็นเพียงการพยายามหา
ช่องทางในการทำกำไรจากความไร้ประสิทธิภาพของตลาด (Market Annomalies)
ซึ่งสามารถยืนยันได้อย่างมีมีนัยสำคัญจากผลทางสถิติในอดีตที่ผ่านมา
สัญญาณต่างๆไม่ใช่ Holy Grail
ที่จะต้องถูกต้องแม่นยำตลอดเวลาและไม่มีใครการันตีได้ว่าคุณจะไม่ขาดทุน
เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่กราฟหรือ Technical Analysis นั้นถูกออกแบบมาเลย
คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าสัญญาณซื้อขายต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นในกราฟนั้น
คือเครื่องมือที่ถูกนำมาช่วยให้เรามีกำไรสุทธิเป็นบวกจากตลาดในระยะยาว
แต่ไม่ได้จำเป็นว่ามันจะต้องถูกหรือช่วยพยากรณ์อนาคตได้เสมอ
ซึ่งนั่นก็จะนำไปสู่ความเข้าใจถึงการควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม (ผ่าน
Risk-Money Managmenet)
โดยเมื่อกลไกในการควบคุมความเสี่ยงได้ถูกนำมาปรับใช้กับระบบการลงทุนใดๆแล้ว
ล่ะก็
โอกาสที่คุณจะขาดทุนจนแทบหมดตัวจากการโดนทุบหุ้นในแต่ละครั้งจะเป็นไปแทบไม่
ได้เลยเพราะคุณจะไม่มีวันถือหุ้นอยู่เพียงตัวเดียวหรือ 2-3 ตัวอีกต่อไป
นอกจากนี้แล้วแรงเหวี่ยงหรือผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการโดนทุบโดนลากก็จะ
ถูกประเมินและคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วด้วยซ้ำ
สำหรับนักเก็งกำไรผู้รู้งานนั้น
ผลกำไร-ขาดทุนจากการเทรดในแต่ละครั้งจะไม่ใช่สิ่งที่มีผลสำคัญสำหรับพวกเขา
พวกมันคือหนึ่งในผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจากระบบการลงทุนของพวกเขาเพียงเท่านั้น
เอง
ข่าวดีก็คือกระบวนการจัดการความเสี่ยงทั้งหลายเหล่านี้นั้นเจ้ามือหุ้นแทบ
ไม่สามารถที่จะเข้ามาบังคับการวางแผนการต่างๆของคุณได้เลยและนี่ก็คือเหตุผล
ที่ผมจึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า
“เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร” นั่นเองครับ
บทความโดย mangmaoclub.com