วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เราสามารถทำเงินได้อย่างไร?

   อีกหนึ่งคำถามหลังจากรู้จักกับตลาด Forex กันแล้วก็คือซื้อขายอย่างไรจึงจะได้กำไร  ซึ่งการซื้อขายในตลาด Forex จะสามารถทำได้สองทางคือ

- Buy ซื้อเมื่อราคาถูกแล้วขายราคาแพง คือเปิดออเดอร์ Buy ตอนที่ราคากร๊าฟวิ่งลงต่ำแล้ว Sell ตอนที่กร๊าฟวิ่งขึ้นสูงเพื่อปิดออเดอร์ทำกำไร

- Sell (Short) ขายราคาแพงแล้วซื้อกลับตอนราคาถูก  คือเปิดออเดอร์ Sell (Sort) ตอนที่กร๊าฟวิ่งขึ้นสูง แล้ว Buy ตอนที่กร๊าฟวิ่งลงต่ำเพื่อปิดออเดอร์ทำกำไร

ถึงตอนนี้บางท่านก็อาจจะยังงง ๆ กับการ Buy และ Sell อยู่จึงขอยกตัวอย่างจากบัญชี Standard ดังนี้

ตัวอย่างเปิดออเดอร์ Buy
1. คุณจะเปิดออเดอร์ที่ 0.01 lot ได้กำไร-ขาดทุนเท่ากับจุดละ 0.1$
2. ถึงตอนนี้คุณคิดว่ากร๊าฟน่าจะวิ่งลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้วจึงได้เปิดออเดอร์ Buy ที่ราคา 1.2750 
3. พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งกร๊าฟได้วิ่งขึ้นไปถึงราคา  1.2850 คุณก็ได้ทำการ Sell เพื่อปิดออเดอร์ทำกำไร
4. จากการเปิด Buy ที่ราคา  1.2750  แล้ว Sell ที่ราคา 1.2850  จะเท่ากับได้กำไร 100 จุด
5. จากข้อ 1. เท่ากับกำไรที่ได้จุดละ 0.1$  ก็เอา 0.1$ คุณ 100 จุด  ก็เท่ากับได้กำไร 10$




ตัวอย่างเปิดออเดอร์ Sell
1. คุณจะเปิดออเดอร์ที่ 0.01 lot ได้กำไร-ขาดทุนเท่ากับจุดละ 0.1$
2. ถึงตอนนี้คุณคิดว่ากร๊าฟน่าจะวิ่งขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้วจึงได้เปิดออเดอร์ Sell ที่ราคา 1.2850 
3. พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งกร๊าฟได้วิ่งลงถึงราคา  1.2750 คุณก็ได้ทำการ Buy เพื่อปิดออเดอร์ทำกำไร
4. จากการเปิด Sell ที่ราคา  1.2850 แล้ว Sell ที่ราคา 1.2750  จะเท่ากับได้กำไร 100 จุด
5. จากข้อ 1. เท่ากับกำไรที่ได้จุดละ 0.1$  ก็เอา 0.1$ คุณ 100 จุด  ก็เท่ากับได้กำไร 10$


ตลาด Forex คืออะไร

   ตลาด Forex (FOReign Exchange market) คือ ตลาดการค้าสกุลเงินระหว่างประเทศ (การเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน) ในการซื้อ-ขายเงินตราเหล่านี้ผู้ค้าจะสั่งซื้อเงินสกุลหนึ่งเพื่อแลกกับเงิน สกุลอื่น  ตัวอย่างเช่น  หากคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะลดลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร  ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้ประกอบการค้าอัตราแลกเปลี่ยนจะขายเงินดอลลาร์และซื้อ เงินยูโร  ถ้าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นผู้ประกอบการค้าสามารถขายเงินยูโรแล้วซื้อเงิน ดอลลาร์กลับมาได้จำนวนที่มากขึ้น  สิ่งนี้คือการทำกำไร

การเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจะคล้ายกับการซื้อขายหุ้น ผู้ประกอบการค้าหุ้นจะซื้อหุ้นถ้าพวกเขาคิดว่าราคาของมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต  และจะขายสินค้าหากพวกเขาคิดว่าราคาของมันจะลดลงในอนาคต ในทำนองเดียวกันผู้ประกอบการค้าอัตราแลกเปลี่ยนจะซื้อคู่สกุลเงินถ้าพวกเขา คาดหวังว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะเพิ่มขึ้นในอนาคตและจะขายคู่สกุลเงินถ้าพวกเขา คาดหวังว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะลดลงในอนาคต

ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนคือเงินดอลลาร์สหรัฐ

ใครเป็นผู้ซื้อขายในตลาด Forex
มีผู้เล่นที่แตกต่างกันจำนวนมากในตลาด forex มีทั้งที่ซื้อขายเพื่อทำกำไร บางคนค้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง และบางคนต้องการซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ผู้เล่นต่างๆ มีดังนี้
• ธนาคารกลางของรัฐบาล
• ธนาคารพาณิชย์
• ธนาคารเพื่อการลงทุน
• องค์กรระหว่างประเทศ
• กองทุนบำเหน็จบำนาญ
• โบรกเกอร์และตัวแทนจำหน่าย
• บริษัทประกันภัย
• บุคคลทั่วไป

ความน่าสนใจของตลาด Forex
• ตลาด online ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตจึงทำให้ทุกคนสามารถซื้อ-ขายได้
• สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
• ตลาดจะไม่ถูกใครควบคุมไว้
• โบรกเกอร์เก็บค่าดำเนินการซื้อขายต่ำมาก
• ตลาดเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงในวันจันทร์ - ศุกร์
• ทุนเริ่มต้น $1!! หรือ 30 บาท

เวลาทำการของตลาด
ตลาด Forex นั้นมีหลายแห่งในโลก มีเวลาการเปิดปิดที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ตั้งแต่เช้าวันจันทร์เวลาตี 4 จนถึงเช้าวันเสาร์เวลาตี 4 (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งตลาดต่างๆ มีเวลาเปิด-ปิดดังนี้


ตลาดประเทศเวลาทำการ
ชื่อย่อ ชื่อเต็มเวลาเปิดเวลาปิด
AUDAustralian DollarAustralia5.0013.00
JPYJapanese YenJapan7.0014.00
CHFSwiss FrancSwitzerland13.0021.00
EUREuroEuropean Monetary Union13.0021.00
GBPBritish PoundGreat Britain14.0022.00
USDUS DollarUnited States19.003.00

ลงทุนใน Forex ได้เงินจริงหรือเปล่า
เล่น Forex แล้วได้เงินจริงหรือเปล่า ผมขอตอบว่า...ได้จริงและเสียจริงครับ อยู่ที่ว่าคุณทำได้หรือเปล่า คุณต้องขยันศึกษาหาความรู้ หาเทคนิคในการทำกำไร ก็เหมือนกับอาชีพอื่นๆ การที่จะเก่งได้นั้นก็ต้องผ่านการเรียนรู้และฝึกฝน การเล่น Forex จะคล้ายๆ การเล่นหุ้น แต่เป็นการซื้อขายค่าเงินแทน ตลาดจะคล่องตัวกว่าตลาดหุ้นมาก โบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรด Forex ส่วนใหญ่แล้วจะมีเงินปลอมให้ทดลองเทรด (Demo Account) จึงควรศึกษาให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยเล่นด้วยเงินจริง

เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร!

White Lady 3 thumb4 เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร!
“ซื้อขายตามกราฟหรือตามสูตรก็มีแต่จะโดนเจ้ามือกิน เพราะมันคือสิ่งที่เจ้ามือทำเอาไว้หลอกหรือดักเรา”
นี่คือความคิดของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการลงทุนตามกราฟหรือระบบการลงทุนที่ชัดเจนจะ สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว และซ้ำร้ายแล้วยังมีแต่จะรอวันโดนเจ้ามือหุ้นเล่นงานเข้าให้จนหมดตัวเสีย ด้วย
แน่นอนครับว่าเมื่อฟังดูแล้วมันก็ออกจะมีเหตุผลอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม ผมถือว่านี่เป็นคำพูดของคนที่ไม่ได้รู้จักและเข้าใจในศาสตร์ของการเก็งกำไร กันสักเท่าไหร่นัก ซึ่งผมจะค่อยๆอธิบายให้ฟังกันครับ

กราฟไม่ได้หลอก เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมองกราฟและตีความไปในแนวทางเดียวกัน

เหตุผลอย่างแรกของผมเลยก็คือทุกคนไม่ได้ตีความจากกราฟไปในแนวทางเดียวกัน ผมมักจะได้ยินหลายๆคนคุยกันว่าเวลาเกิดสัญญาณซื้อขายขึ้นมาส่วนใหญ่ก็เพราะ เจ้ามือทำขึ้นมาหลอกเราทั้งนั้น
ชุดความคิดแบบนี้มี Error ที่เป็นจุดตายอยู่อย่างหนึ่งก็คือคุณกำลังคิดไปเองว่าโลกนี้มีสัญญาณซื้อ ขายอยู่เพียงสัญญาณเดียว นั่นก็คือสัญญาณที่เจ้ามือเชื่อว่ามันคือสัญญาณและสร้างราคาขึ้นมาเท่านั้น!
แต่หากคุณจะลองคิดให้ดูอีกสักครั้ง คุณจะพบว่าพวกเราแต่ละคนนั้นแทบจะไม่มีใครมองกราฟเหมือนกันเป๊ะๆเลยด้วยซ้ำ (แม้กระทั่งระบบการลงทุนของแต่ละคนก็ไม่ได้มีจุดเข้าออกหรือเงื่อนไขการคัด เลือกหุ้นที่เหมือนกัน) แนวโน้มหุ้นของแต่ละคนที่สรุปออกมาจากกราฟนั้นแทบไม่มีทางตรงกัน, พร้อมกันและเกิดขึ้น ณ จุดเดียวกันตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วตลาดจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีใครที่คิดต่าง กัน
นี่คือเหตุผลข้อแรกที่ผมจะขอยกมาค้านว่า เจ้ามือไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร กราฟไม่ได้มีเอาไว้เพื่อให้คุณโดนหลอก และอันที่จริงก็ไม่มีเจ้ามือคนไหนจะมานั่งหลอกหรือพยายามหลอกคุณเพียงแค่คน เดียวอยู่ตลอดเวลา เจ้ามือเองก็ไม่สามารถรู้จนครบได้หรอกครับว่าพวกคุณแต่ละคนในตลาดรอสัญญาณ จากเครื่องมืออะไรอยู่ พวกเขาเองก็ไม่ได้ต่างกับเราในจุดที่ว่าต้องลอง Bet เพื่อแหย่ตลาดดูอาการตอบสนองของคนส่วนใหญ่เช่นกัน และก็แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่การซื้อขายของพวกเขาจะมีกำไรอย่างที่เราคิด
ดังนั้นแล้ว สัญญาณการซื้อขายตามกราฟในแต่ละครั้งของคุณจริงๆจึงไม่ได้เกิดจากเจ้ามือ แต่มันคือเงาสะท้อนซึ่งเกิดจากความเชื่อและมุมมองของคุณซึ่งมีต่อกราฟในรูป แบบต่างๆ และตรงนี้ก็จะกลายเป็นประสิทธิภาพของระบบการลงทุนนั้นๆซึ่งจะบ่งชี้ถึงผล กำไรในอนาคตของคุณอย่างแท้จริง

รากเหง้าของผลกำไรจากระบบการลงทุนที่ยั่งยืน เกิดจากกลไกพื้นฐานของตลาดซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถฝืนหรือหลีกเลี่ยงได้

มีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับใช้กราฟหรือการสร้างระบบการลงทุนเท่า นั้นที่คิดว่าพวกเขาจะโดนเจ้ามือกินจนเจ๊ง นั่นก็เพราะเบื้องหลังของวิธีการลงทุนที่ดีและยั่งยืนทุกระบบนั้นเกิดขึ้น จากการวางตัวให้สอดคล้องไปกับกลไกพื้นฐานของตลาดซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ต่างหาก (ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรตามวิจารณ์ญาณหรือตามระบบการลงทุนก็ตาม)
แล้วอะไรคือตัวอย่างของกลไกพื้นฐานของตลาดหุ้นคืออะไรน่ะหรือครับ?
ตัวอย่างก็เช่น เราจะพบว่าการที่สภาวะของตลาดหุ้นจะเอื้อต่ำการทำกำไรและกลายเป็นขาขึ้นมา ได้นั้น ตลาดจะต้องมีหุ้นที่แข็งแกร่งและสดใหม่ขึ้นมานำตลาดเป็นจำนวนหนึ่งอยู่เสมอ ซึ่งหุ้นเหล่านี้ก็มักที่จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานในขณะนั้นที่ดีเอา มากๆจนเรียกได้ว่าอยู่ในจุด Peak ของมันเลยทีเดียว และแน่นอนว่านั่นทำให้ราคาของพวกมันมักจะคลอเคลียหรือวิ่งขึ้นทำจุดสูงสุด ใหม่อยู่เสมอ (หรือที่พวกเรามักเรียกกันในภาษากราฟว่าหุ้น All Time High) และนี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งของสิ่งที่พวกเราควรจะมองหาและวางระบบการลงทุนให้ สอดคล้องกับพวกมันเอาไว้!
SET thumb เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร!
จำนวนหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ All Time High และมีปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ยมากกว่า 1 ล้านบาท/เดือน เปรียบเทียบกับแนวโน้มของตลาดหรือ SET Index วัดจาก PnT Indicator 1%
image thumb5 เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร!
ตัวอย่างผลการลงทุนจากระบบ ATH System ซึ่งทำการซื้อหุ้นเมื่อทำจุดสูงสุด All Time High และตัดขาดทุนเมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป เปรียบเทียบกับผลตอบของ SET index เมื่อลงทุนด้วยเงินทุนเริ่มต้นเท่าๆกันที่ 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 4/1/2000 – 16/11/2012
จากภาพแรกนั้นคุณจะเห็นได้ว่าเมื่อตลาดหุ้น SET Index เป็นขาขึ้น เราจะพบว่าจำนวนของหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่แบบ All Time High จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างชัดเจนเมื่อตลาดเป็นขาลง ซึ่งเมื่อเราได้วางระบบการลงทุนให้สอดคล้องกับกลไกพื้นฐานของตลาดในรูปแบบ นี้ ระบบการลงทุนง่ายๆนี้ก็สามารถที่จะทำกำไรออกมาจากตลาดได้อย่างยั่งยืนมาตลอด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว แต่พวกมันคือปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกมาอย่างยาวนาน นั่นก็เพราะมันคือสิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นจากกลไกพื้นฐานของตลาดหุ้น ซึ่งไม่มีเจ้ามือคนไหนจะต้านทานได้
นอกจากนี้ตารางสรุปผลการเทรดของระบบ เราจะพบว่าระบบการลงทุนมีจำนวนการซื้อขายเกิดขึ้นถึงกว่า 700 ครั้ง และถ้าคุณคิดว่าเจ้ามือจะตามราวีคอยจ้องมองหาและดักทางเพื่อทุบหุ้นจาก สัญญาณการซื้อขายของคุณทุกๆครั้ง ผมคิดว่าคุณอาจกำลังวิตกจริตจริงๆและผมก็คงจะไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้จริงๆ ครับ (จริงแล้วถ้าเจ้ามือจะดันหุ้นมาดักเราทุกครั้งได้ก็ทำไปเหอะนะ อิอิ)

เจ้ามือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นของนักเก็งกำไรทุกคนคือสภาวะของตลาด

นี่คือสิ่งที่คุณควรสนใจจริงๆ มันคือกฏที่คุณจะต้องเข้าใจ … และถ้ายังไม่เข้าใจคุณก็จะค่อยๆสะสมชั่วโมงบินในตลาดจนเข้าใจไปเองในที่สุด ผมเองเชื่อว่ากฏธรรมชาติข้อนี้คือกฏที่พวกเราทุกคนในตลาดไม่อาจหนีพ้นไปได้ ไม่เว้นแม้แต่เจ้ามือหุ้น
เหตุผลก็เพราะว่าถึงแม้ใครจะเป็นเจ้ามือปั่นหุ้นที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วถ้าตลาดไม่เอื้ออำนวยพวกเขาก็จะไม่สามารถล่อหลอกใครให้มาซื้อ มาขายได้สักเท่าไหร่นัก จริงอยู่ว่าเจ้ามืออาจปั่นราคาขึ้นมาได้แต่เจ้ามือก็ไม่ใช่พระเจ้า ถ้าตลาดไม่ดีหรือแนวโน้มของหุ้นตัวนั้นไม่ดึงดูดจริงๆพวกเขาก็จะต้องติดหุ้น ไปเองในที่สุด
ด้วยเหตุนี้เองแนวโน้มของตลาดหรือหุ้นจึงเป็นเจ้ามือหุ้นตัวจริงของพวก เรา เจ้ามือหุ้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทุบหุ้นให้เละเมื่อตลาดยังคงเอื้ออำนวย ต่อการทำกำไรของพวกเขา ผมเองเชื่อว่าด้วยการที่เรารู้จักวางตนให้ลงรอยไปในทิศทางเดียวกับตลาดอยู่ เสมอและตัดขาดทุนเมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป การกระทำเหล่านี้จะช่วยให้พอร์ทของคุณค่อยๆเติบโตขึ้นไปตามกาลเวลาโดย อัตโนมัติ (ถ้าคุณไม่สติแตกเสียวินัยไปเสียก่อน)
Short Note : แม้ว่าเจ้ามือจะดูยิ่งใหญ่แค่ไหนในสายตาของเรา แต่พวกเขาก็เป็นเพียงแค่คนกลุ่มเล็กๆกับเงินทุนที่ไม่มากสักเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินหรือกองทุนยักษ์ใหญ่ซึ่งมีอำนาจและผลกระทบกับ ตลาดโดยรวมจริงๆ เจ้ามือหุ้นปั่นจึงยังคงไม่สามารถที่จะปั่นหรือควบคุมสภาวะตลาดโดยรวมเอาไว้ ให้เป็นประโยชน์กับตนเองได้
นี่หมายความว่าผมกำลังบอกว่า “เจ้ามือ” ที่แท้จริงคือสถาบันหรือกองทุนยักษ์ใหญ่พวกนี้หรือไม่?
ในมุมมองของผมนั้น คำตอบก็คือทั้งใช่และไม่ใช่ คำตอบที่ว่าใช่ก็คือแน่นอนว่าสภาวะของตลาดโดยรวมส่วนใหญ่คือผลลัพท์จากทิศ ทางการซื้อขายของพวกเขา ส่วนที่ไม่ใช่ก็คือพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะฝืนสภาวะของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น หรือพื้นฐานของกิจการจริงๆไปได้เช่นเดียวกัน (และก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องทำเช่นนั้นด้วย) อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการซื้อขายของพวกเขาก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่อันตรายและน่ากลัวจนตั้ง รับไม่ทันด้วยเช่นกันเนื่องมาจากขนาดของเม็ดเงินที่ใหญ่จึงทำให้พวกเขาต้อง ค่อยๆทยอยซื้อทยอยขาย จนเกิดเป็นแนวโน้มของตลาดซึ่งเราสามารถเห็นกันได้อย่างชัดเจนนั่นเอง

คุณคือผู้กำหนดผลการลงทุนของคุณเองในระยะยาวไม่ใช่เจ้ามือหุ้น

ผมเชื่อว่าหลังจากที่ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ก็คงยังจะมีอีกหลายๆคนที่จะพูดกลับมาว่า “แต่ก็มีนักลงทุนหลายๆคนที่ซื้อหุ้นตามกราฟแล้วขาดทุนเพราะหุ้นโดนทุบจนแทบ หมดตัวไม่ใช่หรือ?” ผมเองก็หวังว่ามันคงจะไม่ใช่คำพูดที่แรงเกินไปถ้าผมจะพูดว่านั่นเป็นปัญหา ของนักเก็งกำไรที่อ่อนหัดเท่านั้น
ที่ผมต้องพูดว่ายังอ่อนหัดนั่นก็เพราะนักเก็งกำไรที่ช่ำชองนั้นจะต้องรู้ ถึงขอบเขตและความเสี่ยงของพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขาจะต้องรู้ว่าสัญญาณต่างๆที่เกิดขึ้นจากกราฟนั้นเป็นเพียงการพยายามหา ช่องทางในการทำกำไรจากความไร้ประสิทธิภาพของตลาด (Market Annomalies) ซึ่งสามารถยืนยันได้อย่างมีมีนัยสำคัญจากผลทางสถิติในอดีตที่ผ่านมา สัญญาณต่างๆไม่ใช่ Holy Grail ที่จะต้องถูกต้องแม่นยำตลอดเวลาและไม่มีใครการันตีได้ว่าคุณจะไม่ขาดทุน เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่กราฟหรือ Technical Analysis นั้นถูกออกแบบมาเลย
คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าสัญญาณซื้อขายต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นในกราฟนั้น คือเครื่องมือที่ถูกนำมาช่วยให้เรามีกำไรสุทธิเป็นบวกจากตลาดในระยะยาว แต่ไม่ได้จำเป็นว่ามันจะต้องถูกหรือช่วยพยากรณ์อนาคตได้เสมอ ซึ่งนั่นก็จะนำไปสู่ความเข้าใจถึงการควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม (ผ่าน Risk-Money Managmenet) โดยเมื่อกลไกในการควบคุมความเสี่ยงได้ถูกนำมาปรับใช้กับระบบการลงทุนใดๆแล้ว ล่ะก็ โอกาสที่คุณจะขาดทุนจนแทบหมดตัวจากการโดนทุบหุ้นในแต่ละครั้งจะเป็นไปแทบไม่ ได้เลยเพราะคุณจะไม่มีวันถือหุ้นอยู่เพียงตัวเดียวหรือ 2-3 ตัวอีกต่อไป นอกจากนี้แล้วแรงเหวี่ยงหรือผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการโดนทุบโดนลากก็จะ ถูกประเมินและคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วด้วยซ้ำ
สำหรับนักเก็งกำไรผู้รู้งานนั้น ผลกำไร-ขาดทุนจากการเทรดในแต่ละครั้งจะไม่ใช่สิ่งที่มีผลสำคัญสำหรับพวกเขา พวกมันคือหนึ่งในผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจากระบบการลงทุนของพวกเขาเพียงเท่านั้น เอง ข่าวดีก็คือกระบวนการจัดการความเสี่ยงทั้งหลายเหล่านี้นั้นเจ้ามือหุ้นแทบ ไม่สามารถที่จะเข้ามาบังคับการวางแผนการต่างๆของคุณได้เลยและนี่ก็คือเหตุผล ที่ผมจึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า
“เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร” นั่นเองครับ

บทความโดย mangmaoclub.com

ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยน



ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยน
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงใดๆ มาอ่านบทความดีๆ น่าขบคิดกันดีกว่า...

ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือพลิกเป็นหลังมือ : หน้าต่างอาเซียน
 โดย ทนง ขันทอง

หลังจากที่ระบบการเงินสหรัฐอเมริกาล้มเมื่อปี 2008
มีการพิมพ์เงินโดยธนาคารกลางเฟดเดอรัล รีเซิร์ฟ ออกมาอย่างอุตลุด
เพื่อรักษาระบบไม่ให้พัง ไม่มีการเอาหนี้เสียจากธนาคารออกมาเลหลังขาย หรือปฏิรูปสถาบันการเงิน
ระเบียบบัญชีได้รับการผ่อนคลายเพื่อว่าจะไม่ต้องโชว์ความเสียหายของมูลค่าทรัพย์สินที่เสื่อมลงหลังจากฟองสบู่แตก

Fed เฟดรับซื้อหนี้เสียจนงบดุลปูดขึ้นมาจาก 6-7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนช่วงวิกฤติ เป็น 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้
สิ้นปีนี้งบดุลของเฟดคาดว่าจะไปถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ

ทาง ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็อุ้มวอลล์สตรีท รวมทั้งออกมาตรการต่างๆ
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนทำให้หนี้รัฐบาลกลางพุ่งจาก 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือ 100% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติในปัจจุบัน มีผลทำให้การคลังสหรัฐยืนอยู่ปากเหว
มองไปข้างหน้างบประมาณจะขาดดุลกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทุกปี
อีก 10 ปีก็ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติโตแค่ปีละ 2% อย่างเก่งหรือเพิ่มขึ้น 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขว่างงานล่าสุดขยับขึ้นไปเป็น 7.9%

อาการป่วยทางเศรษฐกิจแบบนี้ดูไม่ออกว่าจะฟื้นอย่างไร
และความเชื่อมันในค่าเงินดอลลาร์ในฐานะเป็นเงินสกุลหลักของโลกกำลังลดถอยลงทุกวัน

ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่สำคัญ 2 เรื่องคือ

1. จีนต้องเร่งวางโครงสร้างระบบการเงินและสร้างความร่วมมือทางการเงินการค้ากับประเทศคู่ค้าหลัก
เพื่อเตรียมการลอยตัวค่าหยวน เพื่อให้หยวนเป็นเงินสกุลหลักอีกสกุลหนึ่งของโลก
2. ในขณะเดียวกันมีการพูดกันมากขึ้นถึงบทบาทของทองคำที่จะเป็นเงินสกุลหลักของโลกที่แท้จริงเพราะว่า
ไม่มีใครพิมพ์ทองจากอากาศได้ ทำให้มีวินัยการเงินการคลังที่แท้จริง


ขณะนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเฟดอย่างเดียวที่ต้องพิมพ์เงินออกมาเดือนละ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อมาช่วยลดภาระต้นทุนของแบงก์ด้วยการซื้อหนี้เสียออกมาและอุดงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลกลาง
นโยบายการพิมพ์เงินของเฟดออกมาเปล่าๆ จากกลางอากาศโดยไม่มีทองหรือทรัพย์สินอะไรหนุนหลังแบบนี้
ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เสื่อมค่าหมดความน่าเชื่อถือ เป็นการทำสงครามการเงินไปในตัว
เพราะว่าแบงก์หรือพวกนักบริหารการเงินสามารถกู้เงินสกุลดอลลาร์ได้ถูกที่ 0.75%-1.0%
แล้วเอามาพยุงหุ้นดาวโจนส์รักษาฐานะทรัพย์สินของคน
และยังสามารถเอาดอลลาร์ถูกไปถล่มค่าเงิน หรือปั่นตลาดหุ้นตลาดการเงินประเทศอื่นๆ ได้อีกด้วย


ถึงแม้ว่าระบบการเงินของโลกมีปัญหาหนักหน่วง
แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างจะสงบ
เงินยูโร/ดอลลาร์ซื้อขายกันอยู่ในช่วง 1.40-1.25
ในขณะที่ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 76-82 หยวน/ดอลลาร์อยู่ที่ 6.4-6.2
ดอลลาร์/ปอนด์อังกฤษอยู่ที่ 1.54-1.62 และสวิสฟรังค์/ยูโรอยู่ที่ 1.20

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนบ้านเราก็มีเสถียรภาพพอสมควร บาท/ดอลลาร์อยู่ในช่วง 30-31
แต่สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงเมื่อญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศว่า...
จะทำทุกอย่างเพื่อให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นจากการซบเซามามากว่า 20 ปี
หนึ่งในนโยบายที่สำคัญคือจะบังคับให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นพิมพ์เงินเพิ่ม
เพื่อทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นจาก 1% เป็น 2% และทำให้ค่าเงินเยนอ่อนตัว
เงินที่เคยอยู่ช่วง 76-82 ต่อดอลลาร์ อ่อนตัวลงอย่างกะทันหัน มาแตะที่ 90-91 ในช่วงที่ผ่านมา
ไม่นานอาจจะถึง 100 ก็เป็นไปได้

ค่าเงินบาทในช่วงต้นปีที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 3% กว่า ตอนนี้แตะ 29 แล้ว ทั้งปี 2012 บาทแข็งค่าขึ้น 3%

การรวมหัวกันทำสงครามการเงินโดยสหรัฐและญี่ปุ่นครั้งนี้
ทำให้รัสเซีย เยอรมนี เกาหลีใต้ รวมทั้งประเทศอื่นๆ ออกมาโวย
เพราะการบีบค่าเงินดอลลาร์และเยนให้อ่อนตัวลง จะทำให้ค่าเงินประเทศอื่นแข็งค่าขึ้น
ความสามารถในการแข็งขันในการส่งออกจะลดลง
ถ้าจะลดค่าเงินตัวเองลงเพื่อแข่งกับดอลลาร์ เยนก็จะพากันไปตายกันเสียหมด
เพราะท้ายที่สุดจะไม่มีใครชนะกำไรในการขายของไม่มี เงินเฟ้อกินหมด


ไทยเรากำลังติดหางเลขไปด้วย ยังหาทางออกไม่เจอว่าจะแก้เกมกันอย่างไรเพราะยังมัวดูตำราอยู่
รัฐบาลอยากให้ค่าบาทอ่อน แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าแทรกแซงมาก
เพราะยิ่งแทรกแซงยิ่งขาดทุน ที่จริงประเทศเล็กๆ อย่างไทยคงจะทำอะไรมากไม่ได้
เพราะสึนามิทางการเงินกำลังมา จะพึ่งพาการส่งออกเหมือนในอดีตไม่ได้
ตอนนี้คงต้องดูแลทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐให้ดีๆ
ด้วยการตุนทองและทำสวอปบาท/หยวนเพื่อปกป้องตัวเอง เหลือดอลลาร์แค่พอทำการค้าระหว่างประเทศ

เพราะระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือพลิกเป็นหลังมือ

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประวัติ Money4FX

:: Money4FX คืออะไร? ::

   เป็นเว็บไซต์ที่แนะนำเกี่ยวกับการหาเงินผ่านอินเตอร์เน็ตครับ โดยการหาเงินที่ผมจะแนะนำนี้ ไม่ใช่งานขายตรง mlm หรือโฆษณา ไม่มีการออกนอกบ้าน คุณไม่ต้องโทรหาใคร
คุณสามารถใช้เวลาน้อยสุด เพียงแค่ 10 นาที หรือน้อยกว่านั้น(ผมเคยใช้น้อยสุด 3-5 นาทีครับ)


:: ประวัติ Money4FX ::

   ก่อนอื่น ที่ผมจะมาตั้งบล็อคนี้ ผมเคยหางานที่ทำเงินผ่านอินเตอร์เน็ต ต่างๆ มาได้ 3 ปี ก็ถือว่า หาได้พอสมควร มีทั้งเว็บคลิก เว็บอับโหลด แชร์ไฟล์ โฆษณา ขายตรง mlm โพสเว็บบอร์ด(อันนี้แจ่ม 555)
แต่ พอผมกลับมามองย้อนดูดีๆ สำหรับที่ผมทำแล้ว รายได้มันน้อยจริงๆ ไม่คุ้มค่าเหนื่อย ไม่ใช่ว่างานมันยากจนเกินไปหรอกนะครับ แต่ว่า มันไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผมซะมากกว่า บางคนก็ทำรายได้ดีในการทำเว็บอัพโหลด บางคนก็ทำรายได้ดีในเว็บ Adsense ซึ่งแต่ละคนก็จะถนัดแตกต่างกันไปครับ
แล้วมันมีการหาเงินอีกรูปแบบหนึ่ง ที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้จัก แต่จะเริ่มเป็นที่รู้จักสำหรับใครบางคนแล้ว
ซึ่งแน่นอน เพราะมันจะมาพร้อมเมื่อประเทศไทยเปิดตลาดอาเซี่ยนอย่างแน่นอน (พ.ศ. 2558)
สิ่งนั้นก็คือตลาดค่าเงิน ทองคำ น้ำมัน หรือการลงทุนที่ใหม่ๆ

   ถามว่า ทำไมถึงพูดถึงเรื่องลงทุน? ... นั่นก็เพราะมันรายได้ดีกว่าทุกอย่างที่ๆ ผมกล่าวมาข้างต้นน่ะสิครับ ก็ตามที่บอก ไม่ใช่ข้างต้นที่กล่าวมาไม่มีคนประสบผลสำเร็จ แต่ว่า มันไม่เหมาะกับตัวผม ผมจึงไม่สามารถที่จะมีกำไรมากกว่า 3-50,000 ต่อเดือนได้ จากการหาเงินผ่านเน็ตที่กล่าวมาได้

  คุณเบื่อไหม? กับที่มีคนมาประกาศทำเงินผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่ขายตรง ไม่ต้องขายออก ไม่ต้องออกนอกบ้าน 100% แต่! เมื่อคุณไปสมัครแล้ว จริงๆ มันก็คือขายตรงนั่นเอง แน่นอน ทุกๆ คนคงมีความรู้สึกเหมือนผมคือ แค่เริ่มต้นยังหลอกคนอื่นแล้ว แล้วเมื่อไปทำจริงมันจะได้อย่างที่ว่าหรอ?(ผมพูดถึงบางทีมที่ทำแบบนี้นะครับ ซึ่งไม่ใช่ขายตรงทั้งหมด ส่วนที่ดียังมีมากกกก กว่านี้)
  ซึ่งในบล็อคนี้เราจะสอนให้ทุกคนที่เข้ามาศึกษา สามารถทำเงินได้จากการลงทุนนี้


:: Money4FX เป็นการหาเงินออนไลน์ยังไงหรอ? ::

   ครับ สำหรับบล็อคเรา จะเน้นด้านการลงทุนเป็นหลักครับ ซึ่งผมมีเคล็ดลับดีๆ ที่จะทำให้คุณได้กำไรแน่นอน


:: ลงทุนงั้นหรอ? ผมไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก! ::

   อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ ผมไม่ได้ให้คุณไปลงทุนในหุ้นสามัญ ฟิวเจอร์ หรือทองคำตามโบรกเกอร์ในประเทศไทย ที่ต้องมีเงินเป็นหมื่น เป็นแสน ถึงจะลงทุนได้หรอกนะครับ

   ในเว็บเรา มีที่ๆ ดีกว่านั้นครับ คุณสามรถลงทุนได้เริ่มตั้งแต่ 30 บาท เท่านั้นเองครับ!!


:: Money4FX ทำตัวเป็นคนระดมทุนรึปล่าว? ::

   เว็บเราไม่ทำแน่นอนครับ เพราะมันผิดกฏหมาย 100%



หากทุกท่านมีเรื่องข้องใจประการใด สามารถติดต่อผมได้ทุกตลอดเลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^